บทที่ 4 4

“ผมจะไปอยู่ที่เชียงใหม่ หวังว่าแม่จะไม่ห้ามผม เพราะผมวางแพลนว่าจะทำธุรกิจกับเพื่อนที่นั่น” อยากให้แต่งก็จะแต่ง แต่เขาจะไม่อยู่ที่นี่แน่นอน ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องอยู่กินอะไรกับเด็กใจแตกนั้น

“ก็ได้เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องโรงเรียนให้หนูมะลิเอง ส่วนหนูมะลิไปอยู่เป็นภรรยาพี่เขา ไม่ต้องห่วงทางนี้นะจ๊ะ แม่จะดูแลให้เป็นอย่างดี”

“อะไรนะคะ หนูต้องไปที่นั่นเหรอคะ?”

“นั่นสิแม่ จะให้หนูมะลิอะไรของแม่ไปกับผมทำไม เรียนอยู่นี้ก็ดีอยู่แล้ว” เป็นครั้งแรกที่มะลิวัลย์เห็นด้วยกับคณากร เธอพยักหน้าตามชายหนุ่มทันที

“มีอย่างที่ไหนผัวไปทางเมียไปทาง ไม่รู้แหละ ถ้าลูกอยากไปอยู่ที่นั่นก็ต้องเอาหนูมะลิไปด้วย” ให้มันได้แบบนี้สิ คณากรถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก อุตส่าห์คิดแผนไว้ได้ แต่แม่ของเขาก็ดักเอาไว้ทุกทางเลย

“งั้นก็แล้วแต่แม่เลยแล้วกันครับ” คณากรเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยล้า อย่างน้อยมาคิดอีกที ไปด้วยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เขาจะจัดการให้ยัยเด็กนั่นให้รีบร้องขอแยกทางกับเขาเลยคอยดู

“ดีมากลูกชายแม่ งั้นเดี๋ยวแม่เข้าครัวทำอาหารต้อนรับลูกชายกลับมานะ หนูมะลินั่งคุยกับพี่เขาไปก่อนนะลูก” เด็กสาวจะอ้าปากเรียกคุณหญิงผกาแก้วก็เดินหายไปเสียแล้ว คนตัวเล็กถึงทำได้เพียงก้มหน้าลงเหมือนเดิม

ความเงียบปกคลุมอยู่นาน มะลิวัลย์ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจของคนร่างสูงจาก ที่ได้ยินก็คงจะเดาไม่ยากว่าผู้ชายคนนั้นไม่พอใจเธออยู่มาก ชายหนุ่มจับจ้องมาที่ร่างเล็ก ก่อนจะส่ายหัวไปมา เด็กสมัยนี้คิดยังไงกันกับการที่จะแต่งงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ

“อายุแค่นี้คิดอยากมีผัว อดใจไม่ไหวเลยรึไงยัยเด็กบ้า!” น้ำเสียงดุ ๆ ของคณากรเอ่ยออกมา ทำเอาหญิงสาวที่นั่งอยู่สะดุ้งขึ้นมาทันที

“บอกฉันมา ทำไมถึงต้องแต่งงานกับฉัน อายุแค่นี้แทนที่จะตั้งใจเรียน อยากมีผัวขนาดนั้นเลยเหรอฮะ?”

“ปะ เปล่านะคะ” น้ำเสียงสั่นเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

“เปล่าอะไร เห็น ๆ อยู่ว่าเธออยากแต่งงานกับฉันจนตัวสั่นขนาดไหน แต่จำเอาไว้นะ การที่จะเป็นเมียฉันมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก อย่ามาร้องไห้หนีกลับบ้านก่อนก็แล้วกัน!”

สิ้นคำขู่ของคณากร ร่างสูงโปร่งก็เดินผ่านหน้ามะลิวัลย์ไปทันที คนตัวเล็กเผยสีหน้าเรียบนิ่งออกมา ถึงเธอจะไม่ได้แสดงท่าทางใด ๆ ออกมา ใช่ว่าคำพูดของชายหนุ่ม เธอจะไม่เจ็บปวด แต่คิดไปแล้วก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ เพราะทางนี้เธอเป็นคนเลือกเอง ที่ตัดสินใจแต่งงานกับชายหนุ่ม เนื่องจากต้องการทดแทนบุญคุณคุณหญิงผกาแก้วและเธอก็อยากเรียก อยากมีอนาคตที่ดีอีกด้วย

หลังจากที่ยายแวว ยายของมะลิวัลย์ฟื้นหลังจากผ่าตัดรักษา เด็กสาวก็ตัดสินใจบอกเรื่องที่เธอจะแต่งงานกับบุตรชายขอบคุณหญิงผกาแก้ว คำถามแรกของหญิงชราทำเอาเธอชะงักไปทันที

“มะลิรักคุณเขาไหมลูก?” เธอรู้จักหลานสาวตัวเองดีว่าเป็นคนนิสัยยังไง แต่เธอก็ไม่อยากให้เด็กสาวต้องมารับผิดชอบอะไรแบบนี้ มะลิวัลย์ส่งยิ้มให้ผู้เป็นยาย เธอรู้ดีว่ายายของเธอคงไม่สบายใจเรื่องนี้ ทำให้เธอต้องพูดโกหกออกมา

“อืม มะลิเจอหน้าคุณกรรู้สึกดีมาก ๆ เลย คุณกรดูใจดีกับมะลิ ต่อไปถ้าได้แต่งงานอยู่กินกัน ยังไงชีวิตมะลิต้องดีขึ้นแน่ ๆ”

“ถ้ามะลิคิดอย่างนั้นยายก็จะไม่ห้ามอะไร มะลิเอ๊ย ยายก็คนจน ๆ ไม่ได้มีเงิน มีทรัพย์สมบัติไว้ให้หลาน ถึงทำให้หลานต้องอยู่อย่างลำบาก ต่อไปหลานแต่งงาน มีสามี ยายขอให้หลานจำเอาไว้นะ เราเป็นเมียต้องรัก ต้องดูแลคนเป็นผัวให้ดี มีลูกก็ต้องเป็นแม่ที่ดี เข้าใจไหม?” มะลิวัลย์พยักหน้า ก่อนจะเข้าไปกอดหญิงชราเอาไว้ อ้อมกอดนี้เธอทำให้เธอรู้สึกมีกำลังใจ มีพลังสู้ต่อไปได้ในทุก ๆ วันก็ว่าได้ ถึงการที่จะไปอยู่กับคณากรสร้างความเศร้าให้แก่หญิงสาวอยู่มาก เธอก็จะอดทน จนกว่าจะเรียนจบ ตอนนั้นคงขอชายหนุ่มกลับมาหางานทำที่นี่ เธอคงจะได้อยู่กับยายอีกครั้ง

“ยายขอให้หลานมีความสุขนะ ยายรักมะลินะ”

“มะลิก็รักยายมากเลยนะ”

ผ่านไปไม่นาน

การแต่งงานของคณากรก็ได้จัดขึ้นในโรงแรมหรู เดิมทีเขาบอกมารดาว่าไม่จัดใหญ่โตอะไร แต่ทว่ามีหรือจะขัดคุณหญิงแม่ของเขาได้ แขกที่มาในงานนี้มีหน้ามีตาไม่น้อย เรื่องใหญ่ของงานที่สร้างความฮือฮาให้กับแขกที่มาร่วมงาน คือรู้ว่าอายุของเจ้าสาวห่างจากเจ้าบ่าวตั้งสิบสี่ปี

“ดีใจด้วยนะมึงได้เมียเด็ก” น้ำเสียงของวายุภักษ์ เพื่อนของคณากรเอ่ยแซวออกมา ทำให้ชายหนุ่มตวัดมองค้อนไปมองทันที งานแต่งงานของเขาถือว่ามีข้อดีอยู่บ้าง ก็เพราะวันนี้เป็นวันที่เพื่อน ๆ ของเขามากันหมดเลย เมื่อก่อนมีโทรมีนัดเจอกันบ้าง แต่ไม่ค่อยมากันครบเลยจนกระทั่งวันนี้

“ไหนเมียมึงสวยขนาดไหนวะ ถึงทำให้คนอย่างมึงยอมสละโสด?” วายุภักษ์ยังพูดต่อ

“กูโดนแม่บังคับไอ้สัส” คณากรหันไปบอก โดยไม่ได้พูดเสียงดังมากนัก ถึงยังไงเขาก็ยังห่วงหน้าตาทางสังคมอยู่ วายุภักษ์ได้ยินอย่างนั้นก็ขำออกมา เขาพอรู้มาบ้าง เพียงแต่ต้องการแกล้งเพื่อนแค่นั้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป